เขาค้อหน้าฝน

ฤดูฝน ฤดูที่สวยที่สุดของเขาค้อ
 
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป สายฝนจะเริ่มโปรยปรายลงมาที่เขาค้อ ซึ่งก็แปลว่าถึงเวลาที่สายหมอกเริ่มออกทำงานกันแล้ว เป็นเวลาที่นักล่าทะเลหมอก ต้องเตรียมพร้อม สำหรับการเดินทางกันแล้ว หลังจากโควิด-19  สร่างซาลง คงมีโอกาสได้มาพักผ่อน นอนชมทะเลหมอกกัน
 
ทะเลหมอกที่อลังการที่สุด จะเกิดขึ้นทั้งที่เขาค้อ และภูทับเบิก โดยเฉพาะที่ภูทับเบิกที่จะสามารถชมทะเลหมอกสวยๆ กว้างใหญ่อลังการได้เฉพาะหน้าฝนเท่านั้น
 
นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกเกือบทุกวัน ทั้งบริเวณจุดชมวิวเขาค้อ บริเวณริมถนนสาย 12 ที่เป็นถนนที่มีวิวหมอกสวยตลอดเส้นทาง แต่ส่วนที่พีคที่สุดเป็นทะเลหมอกที่เกิดขึ้นบริเวณจุดชมวิวหลังวัดผาซ่อนแก้ว ซึ่งสามารถขึ้นไปชมได้หลายจุด ตั้งแต่บริเวณวัดผาซ่อนแก้ว ไล่เรียงตามรายทางขึ้นไปจนถึงร้านกาแฟพิโนลาเต้ ร้านกาแฟตั๊กม๊อ และร้านอาหารเลอบรูม บริเวณเชิงเขาผาซ่อนแก้วนั่นเอง
 

ส่วนทะเลหมอกภูทับเบิก จะเกิดขึ้นในช่วงเช้า ถึงช่วงสายๆ ในวันหลังจากฝนตก ซึ่งจะได้ชมทะเลหมอกอันยิ่งใหญ่ หนานุ่มไปด้วยปุยเมฆ ล่องลอยปกคลุมพื้นที่ทั่วอำเภอหล่มเก่า และอำเภอเขาค้อ มียอดดอยที่โผล่ขึ้นมาท่ามกลางเมฆหมอก ซึ่งเป็นภาพสวยงามที่เรามักได้เห็นบ่อยๆ แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น
 
 
เคล็ดลับที่สำคัญในการล่าทะเลหมอก คือการออกไปชมหมอกในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันฝนตก เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดทะเลหมอก เนื่องจากพื้นดินและป่าไม้ได้เก็บความชื้นจากสายฝนไว้อย่างเต็มที่ และเมื่อได้รับความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์ในยามเช้า ก็จะเกิดมวลหมอกหนาแน่นเกิดขึ้นมา รอชมกันได้ตั้งแต่ 7.00-10.00 น. ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่เหมือนในฤดูหนาว เพราะต้องรอให้แสงแดดทำหน้าที่ปลุกความชื้นให้กลั่นตัวเป็นไอหมอกลอยขึ้นมาให้ได้ชมกันเสียก่อน
 
 
ส่วนจุดชมทะเลหมอก ในบริเวณบนจุดชมวิวเขาค้อ มี 3 จุดให้เลือกชม คือ 1.บริเวณจุดชมวิวตรงข้ามอำเภอเขาค้อ 2. จุดชมวิววัดกองเนียม และ3. จุดชมวิวเขาตะเคืยนโง๊ะ ซึ่งทั้ง 3 จุด ก็เกิดทะเลหมอกในฤดูฝนได้เช่นกัน บางครั้งเกิดในช่วงกลางวัน หรือตอนเย็นด้วยซ้ำไป เนื่องจากพื้นที่ตรงบริเวณอ่างเก็บน้ำรัตนัยเป็นแอ่งกะทะขนาดใหญ่ ที่โอบอุ้มความชื้นไว้ได้มากมาย ทำให้กลั่นตัวกลายเป็นหมอกหลังฝนได้บ่อยๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
Visitors: 267,351